กรมประมง ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดอบรมเชิงปฎิบัติการ “เพิ่มศักยภาพการทำงานของท่าเทียบเรือประมงในการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำ” ให้กับผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง ผู้ประกอบการเรือประมงฝั่งอันดามัน เพื่อทำประมงถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่โรงแรม โนโวเทล ภูเก็ต โภคีธรา จ.ภูเก็ต กรมประมง ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การเพิ่มศักยภาพการทำงานของท่าเทียบเรือประมงในการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำ” รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 5 – 7 มิ.ย.2562 ณ โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต โภคีธรา โดยมี พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ศูนย์บัญชาการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ พร้อมด้วย นางเพราลัย นุชหมอน ผู้เชี่ยวชาญด้านประมงทะเล กรมประมง โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐ สมาคมประมง ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง จาก 6 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย ระนอง พังงา ภูเก็ต สตูล กระบี่ และตรัง เข้าร่วมประมาณ 200 คน
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ เปิดเผยว่า กรมประมงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดอบรมโครงการเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การเพิ่มศักยภาพการทำงานของท่าเทียบเรือประมงในการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำ” ขึ้นในพื้นที่ที่มีการทำประมงทะเลทั่งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน 4 ครั้ง โดยครั้งแรกได้จัดไปแล้วที่พัทยา ตามมาด้วย ภูเก็ต ประจวบศีรีขันธ์ และสงขลา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทำประมงทะเลทั่วทั้งประเทศ
เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการไร้รายและการไร้ควบคุม (IUU) ให้ความรู้ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติตามระบบตรวจสอบย้อนกลับของท่าเทียบเรือประมงภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 รวมถึงการรายงานอิเล็กทรอนิกส์อของกรมประมง (Thai Flagged Catch Certification System) ในการตรวจสอบย้อนหลังอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นผู้ใช้งานระบบ
สำหรับท่าเทียบเรือประมงที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงและจะต้องดำเนินการที่กฎหมายประมงกำหนดมีทั้งหมด 800 กว่าแห่ง ในฝั่งอันดามัน 200 แห่ง ส่วนเรือประพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตจับสัตว์น้ำถูกต้องตามกฎหมายมี 10,533 ลำ เรือประมงพื้นบ้าน 25,000 ลำ
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเพิ่มว่า การอบรมในครั้งนี้จะเน้นการให้ความรู้ตามกฎหมายประมงที่มุ่งเน้นเรื่องการช่างน้ำหนักปลาแต่ละชนิดของเรือประมงและท่าเทียบเรือประมงที่ให้เรือประมงนำสัตว์น้ำขึ้นฝั่ง เนื่องจากในขณะนี้ยังมีท่าเทียบเรือประมงร้อยละ 20 – 30 ไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ช่างน้ำหนักปลาแต่ละชนิด ยึดน้ำหนักตามที่เหลือประมงแจ้ง ซึ่งผิดกฎหมายประมง ท่าเทียบเรือประมงทุกแห่งจะต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้สามารถประเมินปริมาณสัตว์น้ำในท้องทะเลได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าทำให้ท้องทะเลมีสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้ว เรือประมงพาณิชย์สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นกว่า 250,000 ตัน เรือประมงพื้นบ้านจับได้เพิ่มกว่า 15,000 ตัน รวมไปถึงการขนส่งสัตว์น้ำจากหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง และการรายงานการช่างปริมาณสัตว์น้ำไปยังระบบของกรมประมง ทั้งที่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบธรรมดาทั่วไป
แม่ใจร้าย หิ้วลูกแรกเกิดทิ้งกองขยะ อ้างเลี้ยงไม่ไหว มีลูกเยอะแล้ว
เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) เกิดเหตุแม่นำลูกแรกคลอดใส่ถุงมาทิ้งบริเวณกองขยะ อ.สามพราน จ.นครปฐม ทราบชื่อคือนางวราภรณ์ อายุ 29 ปี เคราะห์ดีเจ้าหน้าที่เก็บขยะของเทศบาลเมืองกระทุ่มล้มมาพบและแจ้งเจ้าหน้าที่ทัน มีการปฐมพยาบาลช่วยชีวิตทันที และนำตัวส่งไปที่ รพ.สามพราน โดยเด็กเป็นทารกเพศชายน้ำหนักตัว 3.10 กิโลกรัม ร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย และมีสายสะดือติดมาด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว และพบหญิงร่างท้วม ผิวคล้ำ ขับรถจักรยานยนต์สีแดง และมีเด็กชายนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ได้หย่อนถึงที่บรรจุเด็กทารกไว้ระหว่างถังขยะ
ตำรวจสืบจนทราบว่าเป็นนางวราภรณ์ จึงเข้าควบคุมตัวที่ห้องพักแห่งหนึ่งใน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยนางวราภรณ์ อยู่ในสภาพอ่อนเพลียหลังคลอด และสารภาพว่าเด็กทารกเป็นบุตรชายของตน ซึ่งเพิ่งคลอดในวันเดียวกันนี้ ตนคลอดด้วยตัวเองในห้องน้ำของห้องพัก และตัดสายสะดือเอง จากนั้นก็นำเด็กใส่กระเป๋าไปทิ้ง โดยมีลูกชายอีกคนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ไปด้วย
สาเหตุที่ทำลงไป กล่าวว่าเพราะไม่มีเงินเลี้ยงเพราะตนเองมีลูกแล้ว 4 คน และคนนี้เป็นคนที่ 5 ส่วนสามีนั้นไปทำงานต่างจังหวัด และยังไม่รู้เรื่องนี้ ที่นำไปไว้บริเวณดังกล่าวเพราะหวังว่าจะมีใครมาเจอและนำไปดูแลต่อ โดยสามีที่เป็นคนเลี้ยงดูครอบครัวทำงานขับรถได้เงินเดือนเพียงหมื่นกว่าบาท โดยทิ้งท้ายว่า เป็นอารมณ์ชั่ววูบ หากย้อนเวลาได้จะไม่ทำเด็ดขาด เบื้องต้น นางวราภรณ์โดนแจ้งข้อหา ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี แต่เนื่องจากเสียเลือดมากและอิดโรย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนางวราภรณ์ส่งรพ.สามพราน
นางสาวสมใจ ได้กล่าวต่อไปว่า ขอความร่วมมือไปยังผู้ใช้น้ำด้วยว่า เนื่องจากปริมาณน้ำที่มีจำกัดขอให้ประชาชนได้ใช้น้ำกันอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำใช้ได้ตลอดแล้งนี้ ส่วนของแผนระยะยาวนั้นทางเทศบาลก็ได้มีการดำเนินการมาโดยตลอด เช่น การขุดลอกแหล่งเก็บน้ำดิบที่มีอยู่ให้สามารถจุน้ำได้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นขุมน้ำสวนหลวงหรือขุมน้ำในซอยพะเนียง เป็นต้น